วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เลือกเิกิดไม่ได้


บ่วงรัก



ตัวอย่างคำคมดีจากละครเรื่องบ่วง
"สติปัญญาที่แท้ จะเกิดขึ้นเมื่อจิตประภัสสร จิตที่สว่างด้วยปัญญา จะเกิดขึ้นเมื่อไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลส เมื่อสีกาทั้งสองยังตกอยู่ภายใต้อารมณ์โกรธ สีกาทั้งสองก็ไม่มีวันเจอหุ่นรูปรอย"
สติมาปัญาญาเกิด เมื่อใดที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสติ เมื่อชีวิตคุณจะเจออุปสรรค เจอปัญหา ทำสิ่งใดก็ติดขัด คิดไม่ตก เพราะขาดสติ ขาดปัญญา ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดได้ ดังนั้นจงอย่าขาดสติ

"รักของแม่ ไม่แค่ประโลมใจ แม่จะเป็นฉัตรแก้วกั้นภัยให้ลูก รักของแม่จะติดตามปกป้องลูกทุกชาติภพ"
ความรักของพ่อแม่นั้นหามีที่เปรียบเทียบได้ ดังนั้น จงอย่าหลงงมงายกับความรักชั่วครู่ชั่วยาม จนลืมความรักของพ่อแม่

"ผีอีแพงแรงฤทธิ์เพราะพิษรัก หวังชนะอุปสรรคเพราะรักเสมอ จึงพลีกายให้ชายหมายปรนเปรอ แม้นเผลอเรอเผลอใจเป็นต้องมนต์ อันบ่วงรักบ่วงกิเลสบ่วงตัณหา อีกทั้งบ่วงมายาพาสับสน ผีอิแพงตกบ่วงรักหนักใจตน จึงพาจิตวุ่นวนทุกชาติไป"
เพราะพิษรักทำให้คนเราลุ่มหลง งมงาย จนไม่รู้ผิดไม่รู้ถูก เกิดเป็นตัณหาในใจที่ติดตามไปทุกหนแห่งยากที่จะหลุดพ้น

"เวร ย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร ตัดกรรมได้ด้วยการให้อภัย"
การอโหสิกรรมเลิกจองเวรต่อกันให้อภัยกัน เป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์อย่างดีที่สุด

 "ความโกรธ เอาชนะได้ด้วยความเมตตา เมตตาว่า ทั้งเขาทั้งเราก็ต่างทุกข์เหมือนกัน...."
(คนโกรธก็ทุกข์ คนถูกโกรธก็ทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากใจไม่สงบ คิดร้าย ถือเป็นทุกข์ทั้งสิ้น หากอยากจะหมดทุกข์ต้องแลกด้วยความเมตตา หากคิดจะโกรธก็ระงับไว้....จิตใจก็จะสงบสุขหมดทุกข์โดยพลัน)

"ทำทานแก่สัตว์ร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าทำทานแก่มนุษย์แม้เพียงครั้งเดียว
ทำทานแก่มนุษย์ร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าทำทานแก่ผู้มีศีลหรือพระสงฆ์แม้เพียงครั้งเดียว
ทำทานพระสงฆ์ร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าทำทานกับพระพุทธเจ้าแม้เพียงครั้งเดียว
ทำทานแก่พระพุทธเจ้าร้อยครั้งยังได้บุญไม่เท่าทำสังฆทานแม้เพียงครั้งเดียว"
การทำบุญจะยิ่งใหญ่แค่ไหนไม่อยู่ที่ทำกับใครที่ไหน แต่้อยู่ที่ใจ ใจที่พร้อมจะทำ ใจที่บริสุทธิ์ นั้นคือบุญกุศลที่ยิ่งใหญ๋

"คนหน้าด้านพรากผัวเมียคนอื่น ไม่มีคำว่าละอาย คนอย่างนี้ร่างกายเป็นคนแต่จิดใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน ทำตัวเหมือนหมูหมากาไก่เสพไม่เลือก "
การพรากคนรักนั้นถือเป็นสิ่งบาป การไปแย่งชิงเค้ามาก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ เราเป็นคนมีความคิดอย่าได้ทำตัวเยี่ยงสัตว์ที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี

"บ่วง....รัมภารำพึงคนเดียว บ่วงที่รัดร้อยชีวิตไว้ด้วยกัน บ่วงที่วนเวียนไม่มีวนจบวันสิ้น บ่วงที่ทำให้หัวใจของเราเติมเต็ม บ่วงที่ทำให้เรามีแรงต่อสู้ บ่วงที่ผลักดันให้เรามีแรงตื่นขึ้นมาทุกวัน บ่วงนี้เอง บางคร้งมันทำให้น้ำตาเราไหลริน ฉันเรียกบ่วงชนิดนี้ว่า...บ่วงแห่งความรัก...."
หากไม่รู้จักปล่อยวางบ้าง นำชีวิตไปผูกไปยึดไว้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะทำให้ชีวิตเราวงเวียนอยู่กับสิ่งนั้นไปเรื่อยๆ จนเป็นทุกข์...

ก่อนจะสาย

วันเวลา...ของชีวิตที่เหลืออยู่
         

             ชายหนุ่มวัย 18 คนหนึ่งกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง... มะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้อีกแล้ว และก็พร้อมจะจากไปในทุกขณะ เขาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมาตลอด มีคุณแม่เป็นผู้ดูแล แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันอันจำเจซ้ำซาก อยากจะออกไปนอกบ้านสักครั้ง เมื่อรับรู้ความในใจของบุตรชายเช่นนั้นแล้ว ไหนเลยผู้เป็นมารดาจะไม่โอนอ่อนผ่อนตาม เขาจึงมีโอกาสออกไปเดินเล่นละแวกบ้าน ผ่านร้านค้ามากมาย...จวบจนพบร้านขายซีดีแห่งหนึ่ง เขาก็ต้องหยุดชะงัก จ้องมองเข้าไปในร้านแห่งนั้น..ที่นั่นเขาได้เห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง และในทันใดชายหนุ่มก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่าเธอคือรักแรกพบของเขาที่อุบัติขึ้น ณ บัดนั้น เขาเดินเข้าไปข้างในร้าน ขณะสายตาจับจ้องอยู่แต่เธอ กระทั่งมาหยุดยื่ตรงหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว "จะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้างคะ" เธอเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้ม ช่างเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัส มันทำให้เขาอยากประทับริมฝีปากเธอในทันที เขาตอบตะกุกตะกักออกไปว่า "เอ้อ ผมอยากได้ซีดีสักแผ่นครับ" จากนั้นก็ทำทีหันไปเลือกซีดีได้แผ่นหนึ่ง ก่อนจะกลับมาอยู่เบื้องหน้าเธออีกครั้งเพื่อชำระเงิน "คุณอยากให้ฉันห่อกระดาษด้วยมั้ยคะ" เธอถามพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ด้วยอีกหน เขาพยักหน้า เธอจึงหันหลังไปจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม กลับมาถึงบ้านเขาจัดการเก็บแผ่นซีดีไว้ในตู้ เพราะไม่ได้สนใจบทเพลงในแผ่นซีดีแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนขายนั่นต่างหาก หลังจากวันนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็แวะเวียนไปที่นั่นเป็นประจำทุกวัน ซื้อซีดีมาวันละแผ่นเสมอ พร้อมกับอนุญาตให้หญิงสาวห่อกระดาษทุกครั้ง รวมทั้งเมื่อกลับมาบ้านก็เก็บมันไว้ในตู้เหมือนที่เคยปฏิบัติมา เขารู้สึกขวยเขินที่จะชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน ทั้งๆที่เบื้องลึกนั้นปรารถนาเหลือเกิน แต่ก็...ไม่กล้าพอ เมื่อคนเป็นแม่รับรู้ในเวลาต่อมาท่านก็คะยั้นคะยอให้ลูกชายทำตามใจปรารถนาของตน รุ่งขึ้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมด ไปยังร้านนั้นอีกครั้ง ซื้อซีดีหนึ่งแผ่นเหมือนวันก่อนๆ และระหว่างที่เธอหันหลังให้นั้น เขาก็ตัดสินใจทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้บนโต๊ะก่อนวิ่งออกจากร้านไป สองสามวันต่อมาคุณแม่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ จึงรับสายและพูดว่า "สวัสดีค่ะ" หญิงสาวในร้านขายซีดีนั่นเองที่เป็นผู้โทรมา เมื่อสาวน้อยถามหาคนเป็นลูกชาย ผู้เป็นแม่ก็เริ่มร่ำไห้ แล้วบอกว่า "หนูคงไม่รู้หรอกว่า...เขาเพิ่งจากไปเมื่อวานนี้เอง" ถัดจากนั้นเสียงจากคนถามก็คล้ายจะถูกปลิด คงเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆของผู้เป็นแม่ ในวันนั้นเอง ผู้เป็นแม่ก็เข้าไปในห้องของลูกชายเพื่อหวนระลึกถึงเขาอีกครั้ง... เริ่มด้วยการสัมผัสเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมใส่ และทันทีที่เปิดประตูตู้ ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบซีดีที่ยังห่อกระดาษไว้ กองอยู่เต็มไปหมด คุณแม่เลือกหยิบมาแผ่นหนึ่ง นั่งลงบนเตียงและเริ่มแกะออกดู ทันใดนั้นก็มีกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งหล่นลงมา คุณแม่หยิบมันขึ้นมาอ่าน "สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย คิดอยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า" กระทั่งเธอแกะซีดีแผ่นถัดๆมา ก็ยังพบกระดาษแผ่นเล็กๆ มีข้อความเช่นเดิม... อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง.....อ่านแล้วคิดว่า เวลาของชีวิตแต่ละคนสั้นนัก เพราะฉะนั้น "จงทำในสิ่งที่อยากทำ ทำให้ดีที่สุด ก่อนจะสายเกินไป"

อุ่นไอรักจากแม่

กลอนวันแม่


กลิ่นความรักหอมนวลอวลไออุ่น
มือละมุนเนียนนุ่มอุ้มโอบขวัญ
ทะนุถนอมตระกรองกอดยอดชีวัน
ประครองป้องผองภยันอันตราย
กี่สิบถ้อยร้อยคำรำพันพรอด
ที่ถ่ายทอด "คำรัก" หลากความหมาย
กี่เปรียบเปรยสรรหามาบรรยาย
ฤาเทียบสายใยรักจาก...มารดา
ครั้งที่ลูกยังเป็นเด็ก เล็กเล็กอยู่
แม่คือ "ครู" สอนอ่านเขียนเรียนภาษา
ให้คำเตือน...เสมือนแสงแห่งปัญญา
ให้วิชาคือ "รู้คิด" ที่ติดตน
ยามลูกเหนื่อยอนาทรแสนอ่อนล้า
ต้องการคำปรึกษาหาเหตุผล
แล้วหันมองรอบกาย...คล้ายมืดมน
ยังพบคนหนึ่ง...คือแม่...คอยแลมอง
แม่จ๋า...แม่คือยอดสตรีที่ประเสริฐ
แม่...เลอเลิศหนึ่งในใจไม่เป็นสอง
แม่...สูงค่ากว่าหยาดเพชรเกร็ดสีทอง
เกินยกย่องด้วยล้านคำ...พร่ำพรรณนา
หอมกลิ่นความรักนวลอวลไออุ่น
ระลึกคุณ แม่โอบอุ้มคุ้มเกศา
มือของลูกจึงเรียงร้อยถ้อยวาจา
เป็นมาลาหอม "รัก" กราบจากใจ





พระคุณครู


อภัย


"ผิดสัญญา" แต่ก็ยัง "ให้โอกาส" ... "ทำผิดพลาด" แต่ก็ยัง "ไม่ถือสา"
"นอกใจ" แต่ก็ยัง "ไม่เลิกรา" ... "ทำให้มีน้ำตา" แต่ก็ยัง "เชื่อใจ"
"รู้ว่าหลอก" แต่ก็ยัง "ทุ่มเท" ... "ทำตัวเกเร" แต่ก็ยัง "ทนไหว"
"หยาบคาย" แต่ก็ยัง "ไม่ตัดใจ" ... "ทำตัวจัญไร" แต่ก็ยัง "อดทน"
"เจ็บซ้ำๆ" แต่ก็ยัง "รักอยู่" ... "ได้เห็นกับตา" แต่ก็ยัง "ฟังเหตุผล"
"ทรมาน" แต่ก็ยัง "อยากทน" ... "ไม่มีตัวตน" แต่ก็ยัง "รักมากมาย"


จาก "คนรัก" .. ก็กลายเป็น แค่! "คนเคยรัก" ..
จาก "แฟนกัน" .. ก็กลายเป็น แค่! "แฟนเก่า" ..
จาก "คนสำคัญ" .. ต้องเป็น แค่! "คนสำรอง" ..
จาก เคย! "อยู่ด้วยกัน" .. กลับต้องมา "ห่างไกล" ..
จาก อดีต! "ที่น่าจดจำ" .. ก็กลับ กลายเป็น ปัจจุบัน! "ที่ต้องเสียเธอ"


เวลา

เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ  เราควรใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่าให้มากที่สุดจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจที่หลัง

รักมากเท่าไหร่ ใจเจ็บเท่านั้น


คิดถึง ดังดัง


อย่าโกรธ กันนะ


~ คุณกำลัง "อ่านข้อความ" ของเรา ~

2.) คุณอ่านข้อ 1 จบไปแล้ว

3.) คุณกำลังคิดว่า มันจะมามุกไหนอีก?
... ...
4.) เหมือนว่า คุณจะโดนหลอก

5.) คุณเริ่มคิดว่า จะด่าเรายังไงดี

6.) คุณเริ่มเครียด

7.) เครียด มากก .. มากขึ้น

9.) คุณเครียด สุด! สุด!

10.) เครียดจนลืมดูไปว่า ไม่มีข้อ 8.)

11.) คุณกลับไปดูว่า จริงรึเปล่า?

12.) แล้วคุณ ก็เลื่อนกลับมาอีกแล้ว เหอๆๆ

13.) เริ่มเลื่อนลงแล้ว!

14.) เลื่อนลง อย่างเร็ว!

15.) เร็ว! แล้วก็ เร็ว เร็ว!

16.) เร็วมากกกก

17.) เร็ว จนไม่รู้!ว่า ข้อ 13.) นั่น * มี 2 ข้อ

18.) แล้วคุณ ก็ย้อนกลับไปดูอีกครั้ง !!!

19.) โดนหลอกเต็ม! เต็ม! .. ข้อ 13.) มีข้อเดียว

20.) คุณเริ่ม ส่ายหัวไปมา ( คิดในใจว่า มันเอาข้อความบ้าอะไร มาให้กูอ่านเนี่ย! ) ..

21.) ไม่มีสาระ อะไรเลย !!! ..

22.) แต่ยังทำให้คุณ อ่านมาจนถึงตรงนี้!

23.) นั่นแน่ะ! .. แล้วคุณก็ "แอบยิ้ม" .. (-^_^-")7 .. 555+

24.) นอนหลับฝันดี นะค่ะ .. ราตรีสวาท !!!

ฉ่อย สนุกมาก


อยากบอกรัก


พรุ่งนี้ยังมีหวัง.............


เติมความหวังด้วยหัวใจ
               
            ทุกสรรพสิ่งในโลกที่เกิดมาย่อมมีการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกัน แต่ละชีวิตย่อมดำเนินตามแบบฉบับของตนเอง ซึ่งในการดำเนินชีวิตก็เปรียบเสมือนเหรียญทั่วๆไป ที่มีทั้งสองด้านคือ ด้านที่สมหวังและผิดหวัง แต่กว่าจะยืนหยัดและทรงเหรียญไว้ตรงกลางโดยไม่พลิกไปด้านใดด้านหนึ่งนั้นมันก็ยากพอดู อีกอย่างก็เปรียบเสมือนกับดอกบัวที่กว่าจะโผล่พ้นน้ำมาได้นั้นก็ต้องผ่านทั้ง ตอไม้ ทั้งโคลนตม ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงกว่าจะโผล่ขึ้นมาได้แต่เมื่อโผล่ขึ้นมาแล้วก็กลับไม่มีเศษตมติดมาเลย มันก็เหมือนกับชีวิตคนเรากว่าจะประสบผลสำเร็จได้นั้นต้องพบเจอปัญหาและอุปสรรคมากมายมาขวางกั้นเพื่อเป็นบทพิสูจน์แห่งชีวิตว่าเราจะฝ่าฝันไปได้ไหม และดิฉันคิดว่าเปรียบเหมือนกำไรของชีวิตที่ได้พบเจอทั้งสองรสชาติคือสุขสมหวังและผิดหวังที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาทดสอบในชีวิตของเรา แต่ดิฉันอยากจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า ปัญหาทุกอย่างมันไม่ใช่จุดจบ มันมีเริ่มก็ต้องมีแก้ไขปรับปรุง มันอยู่ที่ว่าเราจะเผชิญกับมันแบบไหนจะรับมือกับมันรูปแบบใดและเข้มแข็งพอที่จะมีพลังลุกขึ้นใหม่อีกครั้งได้หรือไม่ แต่ดิฉันเชื่อว่าทุกคนทำได้ขอให้เรามีหัวใจที่แน่วแน่อย่ากลัวที่จะต้องพบเจอ ให้คิดเสียว่าถ้าเราพบเจอกับปัญหา อุปสรรคและหกล้มในวันนี้มันจะเป็นประสบการณ์และบทเรียนชีวิตที่คอยย้ำเตือนว่าเราอย่าเดินไปทางนี้อีก
             ซึ่งบางครั้งชีวิตคนเรานั้นอาจไม่ได้สวยหรูอย่างที่เราคิด ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปอาจจะพบเจอกับขวากหนามที่ขวางกั้นเอาไว้จนทำให้เราหกล้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าพบเจอแต่ความผิดพลาดและผิดหวังในชีวิต แต่เราก็อย่าเพิ่งท้อแท้หรือสิ้นหวังนะ เพราะคนเราจะผิดพลาด ผิดหวัง จะทุกข์หรือสุขนั้นอยู่ที่ตัวเราเป็นผู้กำหนดไม่มีเรื่องใดที่เกิดขึ้นมาแล้วจะแก้ไขไม่ได้ ขอเพียงเราให้กำลังใจกับตนเองเพราะปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้นว่าเราจะแก้ไขได้ไหม จริงอยู่เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขในอดีตได้แต่เราก็สามารถทำอนาคตให้ดีได้ อย่าให้ความผิดพลาด ผิดหวัง และปัญหาในอดีตเป็นเสมือนฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเราอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าชีวิตจะยังจมอยู่กับความผิดพลาด เศร้าใจ ก็จงเศร้าให้ถึงที่สุด จงเสียใจให้พอ หากยังร้องไห้ก็ให้ระบายน้ำตาออกมาให้หมด เมื่อเสียใจจนถึงที่สุดแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่เสียที และใช้บทเรียนจากอดีตเป็นเหมือนเข็มทิศคอยบอกทางแก่ชีวิต เพราะความเศร้านั้นมันก็มีข้อดี ข้อเสียอยู่ในตัวของมันเอง ข้อเสียคือทำให้เราเศร้าโศกเสียใจ แต่ข้อดีคือ สอนให้เรารู้ว่าเราจะไม่ทำผิดพลาดอีก เราจะไม่ร้องไห้หรือมานั่งเสียใจกับมันอีก และอย่าปิดกั้นตัวเองแล้วจมอยู่กับอดีตอยู่กับความคิดที่ว่าชีวิตนี้เริ่มใหม่ไม่ได้อีกแล้ว เพราะชีวิตคนเรานั้นมีค่ามาก เราสามารถหยุดคิด หรือหยุดพักได้เวลาเราเหนื่อยเราท้อแต่เราไม่ควรจะหยุดเดิน ลองมองดูนาฬิกาสิ รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้ต้องเดินซ้ำไปซ้ำมาวนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่มีสินสุดแต่มันก็ไม่เคยหยุดเดินยังคอยแต่จะทำหน้าที่ และย้ำเตือนเราว่าหากเวลานี้เดินผ่านไปแล้วเราไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้วนะ มันจะไม่มีคำว่าเมื่อวานเมื่อมาถึงวันนี้ แต่มันจะมีคำว่าวันนี้และอนาคตเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อเราเคยเดินทางผิดพลาดมาสักกี่ครั้งเราก็ต้องลุกขึ้นยืนและเดินใหม่อีกครั้งให้ได้ อย่าคิดว่าเมื่อเราล้มเหลวแล้วจะไม่เหลืออะไร ชีวิตนี้ต้องเป็นศูนย์ทันที เพราะเราสามารถนับหนึ่งใหม่ได้เสมอหากเราคิดจะนับซะอย่าง อย่ามัวที่จะยืนมองดูแต่ข้างหลังของตัวเองแต่จงมองไปข้างหน้า แล้วเราจะพบเจออะไรอีกตั้งมากมายทั้งประสบการณ์ใหม่และอนาคตมีไว้ให้เราลิ้มลองและท้าทายให้เราเดินไปหามันเสมอ ขอเพียงวันนี้เรากล้าที่จะเผชิญก็พอ และจงจำไว้ว่า ความสำเร็จที่ผ่านการล้มเหลวย่อมหอมหวานกว่าเดิม
             
 สุดท้ายนี้ดิฉันอยากจะบอกว่าการล้มเหลว การผิดหวัง เป็นสิ่งปกติที่ทุกคนจะต้องพบเจอในทุกๆเรื่องของชีวิตอยู่ที่ว่าเมื่อเราเจอแล้วจะรับมือและแก้ไขกับมันยังไง เชื่อเถอะว่าถ้าเราไม่เคยผิดพลาดหรือหกล้มมาก่อนเราก็จะลุกไม่เป็น ถ้าไม่เคยเสียใจก็จะไม่รู้จักกับคำว่าเข้มแข็ง แต่ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะ ล้ม มาสักกี่ครั้ง ผิดหวังมาสักกี่หน เราก็ต้องลุกขึ้นยืนให้ได้ แล้วสักวันเราก็จะเจอกับความสุข เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด ล้วนได้มาจากความผิดพลาด ล้มเหลว ของตนเอง ความโง่เขลาเบาปัญญาและความผิดพลาดในอดีตจะกลายเป็นสติปัญญาและความสำเร็จในอนาคต
   


คนเราจะสิ้นหวังไปทำไม ในเมื่อหัวใจยังเต้นอยู่


เพื่อน


         เพื่อนวัดกันตรงไหนกูไม่รู้  รู้แค่ว่ามึงสุข มึงทุกข์ กูทุกข์ มึงเสียใจกูเสียใจ มึงร้องไห้กูอยากร้องตาม เวลากูไม่เจอมึงกูคิดถึงมึง เวลามีอะไรกูจะบอกมึง จะไม่มีความลับต่อกัน ใครทำร้ายมึงกูไม่ยอมมึงมีอะไรกูจะช่วย กูจะไม่มีวันทิ้งมึง อยู่ข้างมึงเสมอ กูไม่สนว่าใครจะมองเพื่อนกูไม่ดีเท่าไหร่ เพราะยังไงกูก็รัก ดีไม่ดีแล้วไง ก็เพื่อนกูอ่ะ