มรดกอันล้ำค่า ที่ได้ขึ้นชื่อว่า “ภาษาไทย”
บนโลกใบนี้ ล้วนมีสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ
มากมายที่ทำให้โลกน่าอยู่ ทำให้ผู้คนเกิดความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน
รู้สึกสนิทสนมกลมเกลียว และที่สำคัญทำให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเข้าใจกันนั่นคือ “ภาษา” ที่มีความงดงามยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
เพราะภาษาเป็นทั้งเอกลักษณ์ วัฒนธรรมและความภูมิใจของคนในแผ่นดิน
“ภาษาไทย” เป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นไทย เป็นมรดกอันล้ำค่าที่บรรพบุรุษสั่งสมสืบทอดมาสู่ลูกหลานเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงว่าชาติไทยเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมที่สูงค่าและยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน
ภาษายังเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันเพื่อทำความเข้าใจตรงกัน
ซึ่งแต่ละภาษาก็มีระเบียบแบบแผนของตนเองที่ตกลงกันในแต่ละชาติแต่ละกลุ่มชน และภาษาก็เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่แสดงถึงให้เห็นถึง
วัฒนธรรมด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปกรรม
ซึ่งเจริญมาตั่งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย
จึงนับได้ว่าภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้คนทั้งชาติเข้าใจกันจนเกิดความรัก
ความสามัคคีกัน และไม่มีสิ่งใดมาบั่นทอนความเป็นชาติเดียวกัน แต่หากไม่มี “ภาษา” มนุษย์ก็คงไม่สามารถสื่อสารกันได้ตลอดจนการถ่ายทอดวิชาความรู้จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้และไม่อาจที่จะพัฒนาหรือดำรงไว้ซึ่ง
“ความเป็นชาติ” ภาษาจึงเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมและของประเทศที่เราควรจะหวงแหนและรักษาไว้ยิ่งชีพเพราะถือว่าเป็นมรดกที่ทรงคุณค่ายิ่งของแต่ละชาติ
แต่ในยุคปัจจุบันวิชาการและเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าละพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้เกิดเทคนิคใหม่ๆในการติดต่อสื่อสารกันซึ่งจะเน้นความสะดวกรวดเร็ว
จึงทำให้ภาษาที่เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารได้รับผลกระทบจากอิทธิพลความเจริญก้าวหน้าดังกล่าวทำให้คนไทยในปัจจุบันจำนวนไม่น้อย
ที่ใช้หรือพูดภาษาไทยในทางที่ผิด บ้างก็ไม่รู้พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ในภาษาไทย
หรือไม่ก็เขียนผิด อ่านผิด และฟังผิดจนเกิดปัญหาการสื่อสารและ
เข้าใจความหมายในทางที่ผิด
จนเป็นสาเหตุให้เสน่ห์ของภาษาไทยลดน้อยลงและค่อยๆเลือนหายไป ยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้จะเห็นได้ว่ามีการใช้ภาษาไทยไปในทางที่ผิดเยอะมาก
ซึ่งกลุ่มคนหรือสาเหตุนั้นส่วนใหญ่จะมาจากวัยรุ่น ที่มักใช้ภาษาอย่างไม่เหมาะสม
จนบางครั้งเกิดเป็น “ภาษาวิบัติ” ที่วัยรุ่นนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในโลกของอินเตอร์เน็ต
จนเดี๋ยวนี้ได้กลายเป็นภาษาทางกายที่วัยรุ่นนิยมใช้กันแล้ว เช่น คำว่า ตัวเอง เป็น
ตะเอง เธอ เป็น เทอ หนู เป็น นู๋ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีคำอีกจำนวนมากที่วัยรุ่นนิยมใช้กันและยิ่งนับวันขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ
ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัญหาเหล่านี้ทุกคนในสังคมยังคงปล่อยปะละเลยไม่รีบเร่งหาทางแก้ไข
ที่ร้ายแรงกว่านั้นยังคงมีการใช้บ่อยๆจนเกิดเป็นความเคยชิน
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวั่นเกรงยิ่งนักทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ที่เป็นการทำลายเอกลักษณ์และความเป็นไทยให้ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
แต่อย่างไรก็ตามหาก
วันนี้ ณ ตรงนี้
เราทุกคนทุกฝ่ายช่วยกันกระตุ้นและปลูกจิตสำนึกของคนไทยให้หันมาตระหนักถึงความสำคัญและเห็นถึงคุณค่าของภาษาไทย
เพราะถือได้ว่าคนไทยเป็นชาติที่โชคดีนักที่ภาษาเป็นของตนเอง
ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและผูกพันคนในชาติให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ฉะนั้นแล้วเราควรร่วมมือร่วมใจกันทำนุบำรุง ส่งเสริมและอนุรักษ์ “ภาษาไทย” ที่เป็นมรดก เอกลักษณ์และเป็นสมบัติวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้สืบทอดต่อไปยังอนุชนรุ่นหลังอย่างถูกต้อง
งดงามและคงอยู่คู่ชาติไทยต่อไป